แม้ว่า Smart Warehouse ทุกแห่งจะมีระบบอัตโนมัติในระดับหนึ่ง แต่ในหลายกรณี บริษัทผู้ผลิตยังคงต้องพึ่งพาแรงงานมนุษย์เป็นอย่างมาก เมื่อมีเครื่องจักรที่สามารถทำงานซ้ำ ๆ ได้แม่นยำและมีประสิทธิภาพมากกว่ามนุษย์ ก็คุ้มค่าที่จะพิจารณาลงทุน เนื่องจากกระบวนการผลิตแบบอัตโนมัติช่วยให้พนักงานใช้เวลาน้อยลงกับการทำงาน และบรรเทาปัญหาการขาดแคลนแรงงานอย่างต่อเนื่องในภาคการผลิต
เทคโนโลยีประเภทหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการทำงานที่ซ้ำ ๆ แบบอัตโนมัติคือ Automated Guided Vehicles (AGV) AGV เป็นยานพาหนะหุ่นยนต์อัตโนมัติ ซึ่งใช้ในการขนส่งสินค้าจากส่วนหนึ่งของไซต์การผลิตไปยังอีกไซต์หนึ่ง มีหลายประเภทให้เลือกตั้งแต่รถยก รถพ่วง และรถเข็น คุณสมบัติอื่น ๆ ได้แก่ ขนาด ความสามารถในการรับน้ำหนัก ระบบแบตเตอรี่ ความเร็ว และระบบนำทาง ดังนั้นการเลือกรถ AGV ในโรงงาน จึงเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมอย่างมาก
ในบทความนี้เราจะพาไปดูเหตุผล 5 ประการ ที่ควรนำ AGV มาใช้ใน Smart Warehouse นอกเหนือจากการประหยัดต้นทุนค่าแรง เช่น ความปลอดภัยในสถานที่ทำงานที่ดีขึ้น และความยืดหยุ่นในการผลิตที่สูงขึ้น
ยานพาหนะนำทางอัตโนมัติ (AGV) คืออะไร?
ยานพาหนะนำทางแบบอัตโนมัติ หรือ รถ AGV จะถูกควบคุมผ่านคอมพิวเตอร์และบรรทุกสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ภายในคลังสินค้า และ Automated Warehouse ใช้ในการขนถ่ายและขนส่งวัสดุจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ทั้งนี้ AGV เป็นอุปกรณ์อัตโนมัติที่ไม่ต้องการการดูแลหรือการแทรกแซงจากมนุษย์อย่างต่อเนื่อง
AGV สามารถใช้งานได้ง่าย แตกต่างจากรถบรรทุก สายพานลำเลียง และรถเข็น ทำให้เป็นที่ต้องการในหลายอุตสาหกรรม เซ็นเซอร์ซึ่งกำหนดเส้นทางที่เหมาะสมที่สุดพร้อมกับซอฟต์แวร์อัจฉริยะช่วยให้สามารถเปลี่ยนเส้นทางได้โดยอัตโนมัติเมื่อมีการระบุสิ่งกีดขวาง
5 เหตุผลที่ควรพิจารณานำ AGV ไปใช้งานในโรงงาน
1. AGV ปรับปรุงความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน
รถยกที่ควบคุมโดยมนุษย์และระบบการขนส่งอื่น ๆ อาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดความเหนื่อยล้าและความประมาท รถ AGV ในโรงงาน ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ ด้วยคุณสมบัติที่ตั้งโปรแกรมไว้ เช่น เส้นทางที่กำหนดไว้ล่วงหน้าและความเร็วคงที่ อุบัติเหตุในโรงงานจึงมีโอกาสน้อยกว่าระบบที่ดำเนินการโดยมนุษย์
2. AGV ลดต้นทุนค่าแรง
นอกเหนือจากความเสี่ยงด้านความปลอดภัยแล้ว งานที่เกี่ยวกับโลจิสติกส์มักเป็นงานซ้ำ ๆ จำเจและใช้เวลานาน ดังนั้นการหาคนงานสำหรับงานดังกล่าวจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป โซลูชันระบบอัตโนมัติ อย่าง AGV สามารถทำให้พนักงานที่มีอยู่ทำงานอื่น ๆ ที่สร้างสรรค์มากขึ้น และลดต้นทุนในการจ้างงานและฝึกอบรมพนักงานใหม่อีกด้วย
3. AGV ช่วยให้เกิดความยืดหยุ่นในการผลิต
สภาพแวดล้อมการผลิตที่มีความซับซ้อน จำเป็นต้องมีโซลูชันใหม่เพื่อให้สามารถปรับให้เข้ากับข้อกำหนดที่เปลี่ยนแปลงได้ รถ AGV ในโรงงานเป็นหนึ่งในวิธีการเพิ่มความยืดหยุ่นในสถานการณ์ต่าง ๆ ปรับขนาดได้ง่าย ซึ่งหมายความว่าสามารถลดหรือเพิ่มกลุ่มยานพาหนะได้ตามต้องการ นอกจากนี้ยังสามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันโดยไม่มีการหยุดพัก
4. AGV สามารถทำงานในสภาวะที่มีการควบคุมสภาพอากาศ
ผลิตภัณฑ์บางอย่างอาจต้องเก็บที่อุณหภูมิต่ำเพื่อยืดอายุการเก็บรักษา เช่น ผลิตภัณฑ์พืชสวน ผลิตภัณฑ์อาหารสดหรือแช่แข็ง ความผันผวนของอุณหภูมิสามารถทำลายสินค้าได้ทั้งหมด บุคลากรจะต้องสวมเสื้อผ้าอย่างเหมาะสมสำหรับการทำงานในอุณหภูมิที่ต่ำกว่าเพื่อจัดการกับผลิตภัณฑ์เหล่านี้ภายในโรงงานได้อย่างปลอดภัย การทำงานในอุณหภูมิต่ำเช่นนี้อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพและจำกัดเวลาการทำงานได้ แต่ รถ AGV สามารถทำงานในสภาพแวดล้อมที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้ปฏิบัติงานที่เป็นมนุษย์ได้เป็นอย่างดี
5. AGV ทำงานได้ยาวนานหลายชั่วโมง
AGV ได้รับการออกแบบให้มีความจุแบตเตอรี่เพียงพอในการทำงานตลอดระยะเวลากะทำงาน เมื่อประจุแบตเตอรี่หมด AGV ก็สามารถกลับไปยังจุดชาร์จได้เอง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทำงานในวันถัดไป ทั้งนี้ผู้ดูแลจำเป็นต้องตรวจสอบเป็นประจำเพื่อให้แน่ใจว่า AGV อยู่ในสภาพการทำงานที่เหมาะสมที่สุด โดยซอฟต์แวร์ควบคุมใน AGV จะตรวจสอบทุกระบบและจะแจ้งเตือนห้องควบคุมหากเกิดปัญหา ซึ่งจะช่วยลดเวลาในการวินิจฉัย และลดเวลาหยุดทำงานเพื่อการซ่อมแซม
การลงทุนในยานพาหนะนำทางอัตโนมัติ หรือ AGV จะช่วยประหยัดเวลาและเงินทางธุรกิจ เนื่องจากช่วยลดการใช้แรงงานคนและเพิ่มผลผลิต ลดโอกาสที่จะเกิดความเสียหายต่อผลิตภัณฑ์และทำให้สภาพแวดล้อมการทำงานปลอดภัยยิ่งขึ้น หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ AGV และข้อดีอื่น ๆ ในภาคการผลิต ที่ AEI Solution สามารถช่วยให้คุณจัดหาโซลูชั่นสำหรับธุรกิจของคุณ ไม่ว่าจะเป็น Automated Warehouse ระบบ ASRS Smart Warehouse เพื่อให้มั่นใจว่าคุณได้รับ มาตรฐานสูงสุดในด้านคุณภาพ ผลผลิต การจัดเก็บ และพื้นที่ ไม่ว่าธุรกิจของคุณ จะมีขนาดเท่าใด นอกจากนี้ยังพร้อมให้บริการแบบรอบด้าน และครบวงจรในคลังสินค้า ตั้งแต่การให้คำปรึกษา ออกแบบ ติดตั้ง การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน WMS และบริการหลังการขาย จึงทำให้ลูกค้าสามารถมั่นใจว่าจะได้รับการบริการ ที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครบวงจร (ONE STOP SERVICE) ได้ความคุ้มค่า ได้ความรวดเร็ว ได้การดูแลที่ดีตลอดจนความมั่นใจในการก่อสร้าง โดยทีมวิศวกรและผู้บริหาร ที่มีประสบการณ์ และความชำนาญในงานติดตั้งมากกว่า 10 ปี พร้อมให้คำปรึกษาและมุ่งเน้นทางด้านการ บริการที่ตอบโจทย์ และครบวงจร
-
ที่มา
- rokin.tech
