ตามรายงานของ Research and Markets ขนาดตลาดของคลังสินค้าอัจฉริยะจะสูงถึง 9,400.10 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2570 จาก 3,944.06 ล้านดอลลาร์ในปี 2564 คลังสินค้าเริ่มซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่ความคาดหวังที่หลากหลายของลูกค้า คลังสินค้าแบบดั้งเดิมไม่เหมาะกับความต้องการของลูกค้าสมัยใหม่อีกต่อไป
เพื่อความอยู่รอดของความท้าทายทางธุรกิจ การนำเทคโนโลยี Smart Warehouse มาใช้มีความสำคัญอย่างยิ่งในซัพพลายเชนปัจจุบัน
ระบบคลังสินค้าอัจฉริยะเป็นผลมาจากเทคโนโลยีคลังสินค้าที่เชื่อมต่อกันซึ่งทำงานร่วมกัน โดยก่อตัวเป็นระบบนิเวศทางเทคโนโลยีที่ซึ่งสินค้าจะได้รับการระบุ จัดเรียง จัดระเบียบ และดึงสินค้าเพื่อจัดส่งอย่างอัตโนมัติ โซลูชันคลังสินค้าอัจฉริยะที่ดีที่สุดทำให้เกือบทุกอย่างเป็นไปโดยอัตโนมัติและมีข้อผิดพลาดน้อยที่สุด
เมื่อพิจารณาถึงระบบคลังสินค้าอัจฉริยะ คุณควรสังเกตลักษณะบางประการที่บ่งบอกว่าระบบประสบความสำเร็จ บางส่วนของเหล่านี้คือ
ความคล่องตัว
การดำเนินการคลังสินค้าจะซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ คลังสินค้าอัจฉริยะต้องสามารถปรับเปลี่ยนและรับมือกับตัวแปรที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว
Smart Warehouse ของคุณควรเพิ่มประสิทธิภาพในการลำเลียงสินค้าอย่างต่อเนื่องตั้งแต่การจัดเก็บจนถึงการจัดส่ง นอกจากนี้ระบบคลังสินค้าอัจฉริยะที่ประสบความสำเร็จจะต้องเตรียมพร้อมสำหรับช่วงที่มีความต้องการซื้อสูงเสมอ เพื่อให้พนักงานทำงานได้ง่ายขึ้น
ความสามารถในการปรับขนาด
เนื่องจากความซับซ้อนของคลังสินค้าและซัพพลายเชนเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง คลังสินค้าของคุณควรมุ่งเน้นไปที่อนาคตเสมอ คลังสินค้าอัจฉริยะต้องพร้อมรับสินค้าจำนวนมากและการออกสินค้าใหม่ได้ทุกเมื่อ
การมองเห็นข้อมูล
เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้า การมองเห็นข้อมูลเป็นสิ่งที่ต้องมี การมองเห็นเป็นสิ่งสำคัญ และโซลูชันซอฟต์แวร์ต้องอัปเดตและจัดเก็บข้อมูลทันที ลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต้องการเข้าถึงข้อมูลตามเวลาจริงที่ได้รับจากระบบคลังสินค้าอัจฉริยะของคุณและต้องการทราบว่าผลิตภัณฑ์ของพวกเขาอยู่ที่ไหนในขณะนี้
แง่มุมนี้ไม่เพียงแต่มีความสำคัญเมื่อพิจารณาถึงการรักษาลูกค้าเท่านั้น แต่การมองเห็นข้อมูลยังให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมายต่อการดำเนินงานอีกด้วย ข้อมูลตามเวลาจริงช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานมองเห็นภาพรวมของคลังสินค้าทั้งหมดและการทำงานของชิ้นส่วนต่าง ๆ
หากเกิดความไม่ถูกต้องในสินค้าคงคลังหรือระยะเวลาการจัดส่ง คุณจะทราบได้ทันทีว่าเกิดจากที่ใด ด้วยวิธีนี้ ผู้ควบคุมคลังสินค้าสามารถดำเนินการก่อนที่สิ่งต่าง ๆ จะสายเกินแก้ไข
ประโยชน์หลักของคลังสินค้าอัจฉริยะ
คลังสินค้าอัจฉริยะอาศัย AI, Internet of Things (IoT), ASRS และวิทยาการหุ่นยนต์เป็นอย่างมากเพื่อจัดการการดำเนินงานคลังสินค้าหลายแห่ง ตอนนี้เราเข้าใจแล้วว่าคลังสินค้าอัจฉริยะที่ประสบความสำเร็จต้องเป็นอย่างไรบ้าง ต่อไปเราจะเจาะลึกถึงข้อดีหลัก ๆ ของ Smart Warehouse
#1 ปรับปรุงความแม่นยำ
ประโยชน์ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของ Smart Warehouse คือการรักษาความถูกต้องของสินค้าคงคลัง สามารถติดตามการไหลของสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์และจัดการการดำเนินงานคลังสินค้าหลายรายการได้จากระบบรวมศูนย์ การเข้าถึงนี้ช่วยให้คุณได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและจัดหาโซลูชันในห่วงโซ่อุปทานและเครือข่ายโลจิสติกส์
การดำเนินงานของคลังสินค้าต้องผ่านหลายกระบวนการซึ่งไวต่อข้อผิดพลาด แต่ไม่ต้องกังวลเพราะสามารถตรวจพบด้วยเซ็นเซอร์ IoT ที่ติดตามสภาพเครื่องจักรและส่งการแจ้งเตือนหากอุปกรณ์เสียหายเพื่อหลีกเลี่ยงค่าซ่อม
#2 เพิ่มการรับรู้
การขาดการรับรู้ในธุรกิจซัพพลายเชน มักนำไปสู่การสูญเสียในการดำเนินงาน ด้วยการรวมการมองเห็นคลังสินค้า บริษัทต่าง ๆ สามารถติดตามและตรวจสอบสินค้าคงคลังขณะที่เคลื่อนผ่านคลังสินค้า
ยิ่งบริษัทต่าง ๆ มีการรับรู้มากเท่าใด ก็ยิ่งจัดการกับคำค้นหาที่ท้าทายได้ดียิ่งขึ้นเท่านั้น การให้ความโปร่งใสของคลังสินค้ามีความสำคัญอย่างยิ่งในการหลีกเลี่ยงปัญหาห่วงโซ่อุปทาน ช่วยลดความเสี่ยงของการขาดแคลนและช่วยรักษาระดับสินค้าคงคลังที่เหมาะสม
ธุรกิจสามารถใช้โซลูชัน Smart Warehouse รวมถึงซอฟต์แวร์ RFID เพื่อจัดการกับปัญหาดังกล่าว พวกเขายังสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของยานพาหนะโดยการสแกนแท็กในขณะที่รวบรวมข้อมูลยานพาหนะ
#3 เพิ่มประสิทธิภาพ
Automated Warehouse เป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญ ช่วยลดเวลาที่พนักงานต้องทำงานให้เสร็จ โซลูชันเหล่านี้ลดงานที่ต้องทำด้วยตนเองให้เหลือน้อยที่สุดเพื่อเปลี่ยนโฟกัสไปทำงานที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ตัวอย่างเช่น กระบวนการหยิบและบรรจุหีบห่ออาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดและการจัดส่งล่าช้าได้หากไม่ดำเนินการอย่างระมัดระวัง ระบบอัตโนมัติชี้ให้เห็นเส้นทางที่เร็วขึ้นและทำให้กระบวนการทั้งหมดมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ช่วยลดข้อผิดพลาดและกำจัดภัยคุกคามที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ ระบบอัตโนมัติช่วยเร่งกระบวนการคลังสินค้าและรับประกันการปฏิบัติตามคำสั่งซื้อที่เร็วขึ้น
#4 ลดต้นทุน
การใช้คลังสินค้าอัจฉริยะช่วยลดการปฏิบัติงานและต้นทุนแรงงาน เมื่อส่วนประกอบที่สำคัญของระบบการจัดการคลังสินค้าผสานรวมกับระบบอัตโนมัติ ปรับเวลาให้เหมาะสมโดยลดความต้องการแรงงานมนุษย์ การลดลงนี้จึงช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานนั่นเอง
เทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น รถนำทางอัตโนมัติ (AGV) ระบบสแกนสินค้าคงคลัง ระบบการจัดเก็บและเบิกจ่ายสินค้าอัตโนมัติ (ASRS) และการประมวลผลคำสั่งซื้ออัตโนมัติช่วยปรับปรุงความแม่นยำของคำสั่งซื้อโดยการหยิบ บรรจุ และจัดส่งคำสั่งซื้อที่แน่นอน
#5 เสริมสร้างการบริการลูกค้า
หนึ่งในความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ธุรกิจส่วนใหญ่เผชิญคือความพึงพอใจของลูกค้า การบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยมเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ Smart Warehouse ช่วยให้คุณได้เปรียบเหนือคู่แข่งด้วยการจัดส่งที่รวดเร็ว ราคาที่ถูกลง และการคืนสินค้าน้อยลง
นอกจากนี้คลังสินค้าอัจฉริยะยังใช้การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์เพื่อตรวจจับแนวโน้มและรูปแบบในประวัติการขาย ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้มีประโยชน์ในขณะวางแผนซัพพลายเชน โดยจัดหาทุกสิ่งที่ลูกค้าต้องการล่วงหน้า ซึ่งเพิ่มความพึงพอใจ เพิ่มความภักดีต่อแบรนด์ด้วยการส่งมอบความคาดหวังของผู้บริโภค
โดยพื้นฐานแล้ว คลังสินค้าอัจฉริยะใช้เทคโนโลยีที่เชื่อมต่อกันหลากหลาย ซึ่งทั้งหมดทำงานเพื่อเป้าหมายเดียวกัน จิ๊กซอว์ทุกชิ้นมีหน้าที่ที่ต้องทำเพื่อให้คลังสินค้าของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณกำลังพิจารณาคลังสินค้าอัจฉริยะ ที่ AEI Solution สามารถช่วยให้คุณจัดหาโซลูชั่นสำหรับธุรกิจของคุณ ไม่ว่าจะเป็น Automated Warehouse ระบบASRS Smart Warehouse เพื่อให้มั่นใจว่าคุณได้รับ มาตรฐานสูงสุดในด้านคุณภาพ ผลผลิต การจัดเก็บ และพื้นที่ ไม่ว่าธุรกิจของคุณ จะมีขนาดเท่าใด นอกจากนี้ยังพร้อมให้บริการแบบรอบด้าน และครบวงจรในคลังสินค้า ตั้งแต่การให้คำปรึกษา ออกแบบ ติดตั้ง การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน WMS และบริการหลังการขาย จึงทำให้ลูกค้าสามารถมั่นใจว่าจะได้รับการบริการ ที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครบวงจร (ONE STOP SERVICE) ได้ความคุ้มค่า ได้ความรวดเร็ว ได้การดูแลที่ดีตลอดจนความมั่นใจในการก่อสร้าง โดยทีมวิศวกรและผู้บริหาร ที่มีประสบการณ์ และความชำนาญในงานติดตั้งมากกว่า 10 ปี พร้อมให้คำปรึกษาและมุ่งเน้นทางด้านการ บริการที่ตอบโจทย์ และครบวงจร
-
ที่มา
- selecthub.com
